Latency, Jitter, Packet Loss ส่งผลต่อเสียงโทรศัพท์อย่างไร

อธิบาย 3 ตัวแปรสำคัญของ Network ที่ทำให้เสียงดีหรือพัง พร้อมเกณฑ์มาตรฐานสำหรับ IP PBX และ Call Center


① 🔍 บทนำ: เสียงโทรศัพท์คือเกมของ “เวลา”

ระบบโทรศัพท์แบบ IP
ไม่ได้วัดกันที่ “ความเร็วเน็ตสูงสุด”
แต่วัดกันที่ ความตรงเวลาและความสม่ำเสมอของแพ็กเก็ต

Latency, Jitter และ Packet Loss
คือ 3 ตัวแปรที่ตัดสินว่าเสียงจะ:

  • คมชัด
  • กระตุก
  • หรือหายไปเลย

② 🔍 ทำไม Voice ถึงแพ้ Network มากกว่า Data

Data:

  • ช้าได้
  • โหลดใหม่ได้
  • มี Buffer

Voice:

  • Real-time
  • ไม่มี Buffer
  • ขาด = ขาดทันที

นี่คือเหตุผลที่ Network สำหรับ IP PBX ต้อง “นิ่ง” เป็นพิเศษ


③ 🌐 Latency คืออะไร (เข้าใจง่าย)

Latency คือ:

  • เวลาที่แพ็กเก็ตเสียงเดินทางจากต้นทาง → ปลายทาง

ถ้า Latency สูง:

  • เสียงมาช้า
  • เกิดดีเลย์
  • สนทนาไม่เป็นธรรมชาติ

④ 🌐 ค่า Latency ที่เหมาะกับ IP PBX

เกณฑ์มาตรฐาน:

  • 0–100 ms → ดีมาก
  • 100–150 ms → รับได้
  • 150 ms → เริ่มมีปัญหา
  • 300 ms → ใช้งานยาก

Call Center ควรต่ำกว่า 150 ms เสมอ


⑤ 🌐 Jitter คืออะไร (ศัตรูตัวจริงของเสียง)

Jitter คือ:

  • ความไม่สม่ำเสมอของเวลาที่แพ็กเก็ตมาถึง

แม้ Latency ต่ำ
แต่ถ้าแพ็กเก็ตมาช้า–เร็วไม่เท่ากัน
เสียงจะ:

  • กระตุก
  • ขาดเป็นช่วง
  • ฟังไม่ลื่น

⑥ 🌐 ค่า Jitter ที่เหมาะสม

เกณฑ์แนะนำ:

  • < 20 ms → ดี
  • 20–30 ms → เริ่มรู้สึก
  • 30 ms → เสียงเริ่มกระตุก
  • 50 ms → เสียงขาดชัดเจน

Jitter คือเหตุผลที่ “เน็ตแรงแต่เสียงพัง”


⑦ 🌐 Packet Loss คืออะไร

Packet Loss คือ:

  • แพ็กเก็ตเสียงหายระหว่างทาง

สำหรับ Voice:

  • แพ็กเก็ตหาย = เสียงหาย
  • ไม่มีการส่งซ้ำ

แม้ Loss แค่ 1–2%
เสียงก็เริ่มขาดแล้ว


⑧ 🌐 ค่า Packet Loss ที่รับได้

มาตรฐาน:

  • 0% → ดีที่สุด
  • <0.5% → รับได้
  • 1% → เสียงเริ่มขาด
  • 2% → ใช้งานลำบาก

Voice ต้องการ Network ที่ “แทบไม่หล่นเลย”


⑨ 🌐 3 ค่านี้ทำงานร่วมกันอย่างไร

กรณีตัวอย่าง:

  • Latency ต่ำ + Jitter สูง → เสียงกระตุก
  • Latency สูง + Jitter ต่ำ → เสียงดีเลย์
  • Packet Loss สูง → เสียงหายทันที

ต้องดู พร้อมกันทั้ง 3 ค่า


⑩ 🌐 สาเหตุ Network ที่ทำให้ค่าเหล่านี้แย่

พบบ่อย:

  • Network แออัด
  • ไม่มี QoS
  • Switch/Router รับไม่ไหว
  • Wi-Fi สัญญาณแกว่ง
  • VPN เพิ่ม Overhead

⑪ 🌐 Wi-Fi ทำให้ Jitter สูงได้อย่างไร

Wi-Fi:

  • ใช้สื่อร่วมกัน
  • มี Interference
  • Latency แกว่งตลอดเวลา

จึง:

  • เหมาะกับ Data
  • ไม่เหมาะกับ Voice จำนวนมาก

⑫ 🌐 VPN ส่งผลต่อ Latency และ Jitter

VPN:

  • เพิ่มการเข้ารหัส
  • เพิ่ม Hop
  • เพิ่ม Overhead

ผล:

  • เสียงดีใน LAN
  • เสียงแย่ทันทีเมื่อออก VPN

⑬ 🖥️ Call Center แพ้ค่าเหล่านี้มากกว่าปกติ

Call Center:

  • โทรต่อเนื่อง
  • รับสายจำนวนมาก
  • เสียงต้องเสถียรตลอดวัน

ค่า Latency/Jitter แกว่งเล็กน้อย
จะถูกขยายผลทันที


⑭ 🛠️ วิธีวัด Latency, Jitter, Packet Loss

เครื่องมือที่ใช้:

  • Ping / Traceroute
  • VoIP Monitoring
  • Network Analyzer
  • PBX Call Quality Report

มืออาชีพจะดู “ตัวเลข” ไม่ใช่เดา


⑮ 🛠️ วิธีทดสอบแบบหน้างานจริง

ขั้นตอน:

  1. โทรทดสอบช่วง Network ว่าง
  2. โทรช่วง Peak Hour
  3. เปิดโหลด Network พร้อมกัน
  4. เปรียบเทียบคุณภาพเสียง

ถ้าเสียงแย่เฉพาะช่วง Peak = Network แน่นอน


⑯ 🛠️ แก้ Latency สูง

แนวทาง:

  • ลด Hop Network
  • ปรับ Routing
  • เลี่ยง VPN
  • ใช้ Local PBX / Media

⑰ 🛠️ แก้ Jitter สูง

แนวทาง:

  • เปิด QoS
  • ลด Wi-Fi
  • ใช้สาย LAN
  • ปรับ Queue บน Switch/Router

⑱ 🛠️ แก้ Packet Loss

แนวทาง:

  • เพิ่ม Bandwidth
  • แก้คอขวด Network
  • เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ Drop Packet
  • ตรวจสาย/พอร์ตเสีย

⑲ 📋 Checklist คุณภาพเสียง IP PBX

  • Latency < 150 ms
  • Jitter < 30 ms
  • Packet Loss ≈ 0%
  • QoS ทำงานจริง
  • Network ไม่แออัด

⑳ 📋 Checklist สำหรับผู้บริหาร

ถามทีม IT ว่า:

  • มีตัวเลขคุณภาพเสียงหรือไม่
  • เสียงดีเพราะดวงหรือเพราะออกแบบ
  • รองรับการโตในอนาคตไหม

㉑ ⚠️ ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

  • Ping ต่ำ = เสียงดี
  • เพิ่ม Bandwidth อย่างเดียวพอ
  • เสียงพังเพราะอินเทอร์เน็ตเสมอ

ทั้งหมดนี้ ไม่ครบความจริง


㉒ 🧠 บทเรียนจากหน้างานจริง

หลายเคส:

เปลี่ยนทุกอย่าง
แต่เสียงดีขึ้นทันที
แค่ “ลด Jitter ด้วย QoS”


㉓ 🛠️ เมื่อไหร่ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญ Network

  • วัดค่าเองไม่ได้
  • ปัญหาเกิดเฉพาะบางช่วง
  • ระบบเริ่มใหญ่ / Call Center โต

㉔ 📌 สรุปสำหรับองค์กร

Latency, Jitter, Packet Loss
คือ “สุขภาพของเสียงโทรศัพท์”

ไม่วัด = ไม่รู้
ไม่รู้ = แก้ผิดจุด


㉕ ✅ บทสรุป

ถ้าอยากให้ IP PBX เสียงดีจริง
ต้องทำให้ Network:

เร็วพอ + นิ่งพอ + ไม่หล่น


㉖ 💬 คำถามชวนคิดและชวนคอมเมนต์

คุณเคยวัด
Latency, Jitter, Packet Loss ของระบบโทรศัพท์องค์กรคุณจริง ๆ หรือยัง?