Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
1️⃣ บทนำ (Introduction)
Fiber Optic คือเทคโนโลยีใยแก้วนำแสงที่ใช้แสงในการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงมาก และในปัจจุบันใยแก้วนำแสงถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ Single Mode Fiber (SMF) และ Multimode Fiber (MMF) ซึ่งทั้งสองชนิดถูกออกแบบมาสำหรับงานที่แตกต่างกันโดยเฉพาะ บทความนี้จะอธิบายให้ชัดเจนว่าทั้งสองชนิดต่างกันอย่างไร ใช้งานแบบไหน และเลือกอย่างไรให้ตรงความต้องการ
2️⃣ ปัญหาที่ผู้ใช้มักเจอ (User Pain Points)
- เลือกชนิดของสายผิด ทำให้ใช้งานไม่ได้
- ความยาวสายไม่เหมาะสมกับลักษณะโครงข่าย
- ใช้สาย MMF แต่ต้องการระยะไกล → สัญญาณตก
- ใช้สาย SMF แต่ใช้อุปกรณ์รองรับเฉพาะ MMF
3️⃣ คำจำกัดความ: Fiber Optic คืออะไร (Definition)
Fiber Optic คือสายสื่อสารที่ทำจากใยแก้ว (Glass / Plastic) ภายในมีแกนกลางเล็กมาก ใช้แสงเป็นตัวพาสัญญาณข้อมูล เดินทางเร็วและสูญเสียสัญญาณน้อยมากเมื่อเทียบกับสายทองแดง
4️⃣ ประเภทของ Fiber Optic ทั้งหมด (Main Types)
Fiber Optic แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:
- Single Mode Fiber (SMF)
- Multimode Fiber (MMF)
ทั้งสองมีโครงสร้าง ความกว้างแกน (Core) การกระจายสัญญาณ รวมถึงราคาและงานที่เหมาะสมแตกต่างกันชัดเจน
5️⃣ Single Mode Fiber (SMF) คืออะไร
SMF ใช้แกนแก้วขนาดเล็กมาก ประมาณ 8–10 ไมครอน เพื่อให้แสงเดินทางเป็น “เส้นตรงเพียงโหมดเดียว” → ลดการสะท้อนภายใน จึงส่งสัญญาณได้ไกลมากระดับหลายสิบ–หลายร้อยกิโลเมตร เหมาะกับงาน Backbone, ISP, Telco
6️⃣ Multimode Fiber (MMF) คืออะไร
MMF ใช้แกนแก้วขนาดใหญ่กว่า ประมาณ 50 หรือ 62.5 ไมครอน ทำให้แสงเดินทางหลายโหมด (Multiple Modes) จึงรองรับอุปกรณ์ราคาถูกกว่า เหมาะกับการใช้งานระยะใกล้ เช่น ภายในอาคารหรือศูนย์ข้อมูล
7️⃣ โครงสร้างของ SMF และ MMF ต่างกันอย่างไร
- Core SMF เล็ก → ส่งไกลกว่า
- Core MMF ใหญ่ → ส่งใกล้กว่า แต่รองรับอุปกรณ์ราคาถูกกว่า
- Cladding มาตรฐานทั้งคู่คือ 125 ไมครอน
8️⃣ ความเร็วและระยะทางที่รองรับ
| ชนิด | ระยะทางที่รองรับ | ความเร็ว |
|---|---|---|
| SMF | 10–100+ km | 10G / 40G / 100G+ |
| MMF | 300–550 m | 10G / 40G (จำกัดกว่า) |
9️⃣ ประเภทของ MMF
MMF แบ่งย่อยเป็น 5 รุ่นตามมาตรฐาน OM
- OM1 = 62.5/125 μm
- OM2 = 50/125 μm
- OM3 = Laser-Optimized 10G
- OM4 = รองรับระยะไกลสำหรับ 40–100G
- OM5 = Wideband MMF สำหรับ Data Center ยุคใหม่
🔟 ประเภทของ SMF (OS1 / OS2)
- OS1 = Indoor (ท่อร้อยสายในอาคาร)
- OS2 = Outdoor (สายกลางแจ้ง, ระยะไกลกว่า)
1️⃣1️⃣ SMF vs MMF: ความแตกต่างแบบสรุปเร็วที่สุด
- SMF = ส่งไกลมาก, แพงกว่า, อุปกรณ์แพงกว่า
- MMF = ส่งใกล้, ราคาถูกกว่า, ประหยัดสำหรับ LAN / Data Center
1️⃣2️⃣ ราคาของสาย SMF และ MMF ต่างกันอย่างไร
- SMF ราคาลวดสูงกว่าเล็กน้อย
- อุปกรณ์ SFP ของ SMF 가격สูงกว่ามาก (LR, ER, ZR)
- MMF ราคาประหยัดกว่าเพราะใช้ SFP แบบ SX
1️⃣3️⃣ การใช้งานที่เหมาะสมของ SMF
เหมาะกับ:
- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
- สายกลางแจ้ง
- Backbone ระหว่างอาคาร
- การเชื่อมต่อระยะไกลกว่า 1 กม.
1️⃣4️⃣ การใช้งานที่เหมาะสมของ MMF
เหมาะกับ:
- Data Center
- อาคารสำนักงาน
- ศูนย์คอมพิวเตอร์
- การเชื่อมโยงอุปกรณ์ภายในชั้นเดียวกัน
1️⃣5️⃣ ข้อดีของ SMF
- ระยะทางไกลมาก
- ความสูญเสียต่ำ
- รองรับความเร็วสูงสุดระดับ 400G+
- อายุการใช้งานยาว
1️⃣6️⃣ ข้อดีของ MMF
- ราคาถูกกว่า
- ติดตั้งง่าย
- อุปกรณ์รองรับราคาถูก
- เหมาะสำหรับงานภายในอาคาร
1️⃣7️⃣ ข้อเสียของ SMF
- ค่าอุปกรณ์แพง
- ไม่เหมาะกับงานระยะใกล้ที่ไม่ต้องการความเร็วสูงมาก
1️⃣8️⃣ ข้อเสียของ MMF
- ระยะจำกัด (ไม่เกิน 300–550 เมตร)
- ไม่เหมาะกับ Backbone หรือวิ่งระหว่างอาคาร
1️⃣9️⃣ ตัวอย่างการใช้งานจริงของ SMF และ MMF
- บ้าน / ISP = SMF
- สำนักงาน / อาคาร = MMF
- ข้ามตึก / โรงไฟฟ้า / โรงงาน = SMF
- Data Center Internal = MMF
2️⃣0️⃣ ใครควรเลือก SMF?
- องค์กรที่ต้องการเชื่อมต่อไกล
- ระบบกล้อง IP ที่ต้องวิ่งหลายกิโลเมตร
- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต / โทรคมนาคม
2️⃣1️⃣ ใครควรเลือก MMF?
- เจ้าของอาคารสำนักงาน
- ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน
- ศูนย์ข้อมูลที่ระยะห่างอุปกรณ์ไม่เกิน 500 เมตร
2️⃣2️⃣ คำศัพท์สำคัญ (Glossary)
- Core = แกนกลางใยแก้ว
- Cladding = ชั้นสะท้อนแสง
- SFP = โมดูลที่ใช้รับ–ส่งข้อมูล
- OM/OS = มาตรฐานการจำแนกสาย Fiber
2️⃣3️⃣ FAQ – คำถามพบบ่อย
Q: ใช้ SMF แทน MMF ได้ไหม?
A: ได้ แต่ต้องใช้อุปกรณ์ SFP ให้ตรงประเภท
Q: MMF ส่งไกลสุดเท่าไร?
A: ปกติ 300–550 เมตร แล้วแต่รุ่น OM
2️⃣4️⃣ สรุป (Summary)
SMF และ MMF ต่างถูกออกแบบเพื่อ “งานคนละแบบ”
SMF = ระยะไกล, ความเร็วสูง, อุปกรณ์แพง
MMF = ระยะใกล้, ราคาประหยัด, ติดตั้งง่าย
เลือกให้ตรงงาน → ประหยัดทั้งต้นทุนและเวลา
2️⃣5️⃣ บทส่งท้าย (Final Thoughts)
ทุกองค์กรควรประเมินความต้องการจริง เช่น ระยะทาง, ความเร็ว, งบประมาณ และอุปกรณ์ที่มี ก่อนเลือกชนิดของ Fiber Optic เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
