เสียงขาด ๆ หาย ๆ ใน IP PBX สาเหตุจาก Network หรือสาย LAN

คู่มือแยกปัญหา “ต้นเหตุจริง” และวิธีแก้แบบช่างโทรศัพท์สำนักงาน


1️⃣ บทนำ: เสียงขาด ๆ หาย ๆ คือปัญหาที่ทำลายความน่าเชื่อถือมากที่สุด

ในระบบ IP PBX ปัญหาที่ผู้ใช้งานร้องเรียนบ่อยที่สุดรองจากเสียงดีเลย์ คือ
“เสียงขาด ๆ หาย ๆ” — ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง คำหายเป็นช่วง ๆ

ปัญหานี้ทำให้

  • สนทนาไม่รู้เรื่อง
  • ลูกค้าไม่พอใจ
  • ผู้ใช้งานโทษระบบทันที

แต่ในความจริง ปัญหานี้มักเกิดจาก Network หรือสาย LAN มากกว่าตัว IP PBX เอง


2️⃣ เสียงขาด ๆ หาย ๆ ใน IP PBX คืออะไร

เสียงขาด ๆ หาย ๆ (Audio Dropout) คือภาวะที่

  • แพ็กเก็ตเสียงส่งมาไม่ครบ
  • เสียงบางช่วงหายไป
  • ระบบไม่สามารถเรียบเรียงเสียงต่อเนื่องได้

ต่างจากเสียงดีเลย์ตรงที่

  • ดีเลย์ = ช้า
  • ขาด ๆ หาย ๆ = เสียงหายจริง

3️⃣ เสียงขาด ≠ เสียงดีเลย์ (หลายองค์กรสับสน)

การแยกอาการสำคัญมาก

  • เสียงดีเลย์ → มักมาจาก Latency
  • เสียงขาด → มักมาจาก Packet Loss / Jitter / Physical Layer

ถ้าแยกไม่ออก แก้ผิดจุดแน่นอน


4️⃣ สาเหตุใหญ่มี 2 กลุ่มเท่านั้น

จากประสบการณ์ช่างโทรศัพท์สำนักงาน
สาเหตุเสียงขาด ๆ หาย ๆ แทบทั้งหมดอยู่ใน 2 กลุ่มนี้

  1. Network (Logical Layer)
  2. สาย LAN / หัวสาย (Physical Layer)

ต้องไล่ตรวจ “จากล่างขึ้นบน” เสมอ


5️⃣ Packet Loss: ตัวการอันดับหนึ่งของเสียงหาย

Packet Loss คือแพ็กเก็ตเสียง “หายระหว่างทาง”
เมื่อเสียงหาย ระบบไม่สามารถเดาแทนได้ → เสียงขาดทันที

ค่า Packet Loss ที่ยอมรับได้

  • < 1% = ปกติ
  • 1–3% = เริ่มมีอาการ
  • 3% = เสียงขาดแน่นอน

6️⃣ สาเหตุ Packet Loss จากฝั่ง Network

ตัวอย่างที่พบบ่อย

  • Switch เก่า / ราคาต่ำ
  • Port Error
  • Buffer เต็ม
  • Traffic ชนกัน

โดยเฉพาะสำนักงานที่ใช้ Network เดียวกับทุกอย่าง


7️⃣ Switch ราคาถูก: ปัญหาที่หลายองค์กรไม่รู้ตัว

Switch ระดับบ้าน

  • ออกแบบมาสำหรับ Data ทั่วไป
  • ไม่เหมาะกับ Voice Real-Time

อาการที่พบ

  • เสียงขาดเฉพาะช่วงใช้งานหนัก
  • ปัญหามา ๆ หาย ๆ

8️⃣ Network Congestion ทำให้เสียงหายได้อย่างไร

เมื่อ Network เต็ม

  • แพ็กเก็ตเสียงถูก Drop
  • เสียงหายเป็นช่วง
  • เกิดพร้อมกับ Download / Backup / Upload

ถ้าไม่มี QoS → เสียงคือสิ่งแรกที่โดนตัด


9️⃣ Jitter สูง = เสียงหายเป็นช่วง ๆ

Jitter คือความแปรปรวนของเวลาแพ็กเก็ต
ถ้า Jitter สูง ระบบจะ “รอจัดคิว” → เสียงหายเป็นช่วง

ค่า Jitter ที่ควรได้

  • < 30 ms = ปกติ
  • 50 ms = เสียงเริ่มขาด

🔟 ไม่มี QoS หรือ QoS ตั้งค่าผิด

QoS คือสิ่งที่บอก Network ว่า

“เสียงต้องมาก่อน”

ปัญหาที่พบบ่อย

  • ไม่มี QoS
  • ตั้ง QoS แต่ไม่ Match Traffic
  • ลืมตั้งที่ Switch (ตั้งแค่ Router)

1️⃣1️⃣ VLAN ไม่แยก เสียงโดน Data แย่งตลอด

ถ้า Voice และ Data อยู่ VLAN เดียวกัน

  • Broadcast เยอะ
  • Collision สูง
  • Packet Loss เพิ่ม

องค์กรที่จริงจังกับ IP PBX ต้องแยก VLAN เสียง


1️⃣2️⃣ Firewall / Security Device ทำให้เสียงหายได้

Firewall ที่

  • Inspect Packet มากเกิน
  • ไม่ Optimize สำหรับ VoIP

จะทำให้แพ็กเก็ตเสียงถูก Drop แบบไม่รู้ตัว


1️⃣3️⃣ SIP ALG: ตัวทำเสียงหายโดยไม่ตั้งใจ

Router หลายยี่ห้อเปิด SIP ALG มาให้
ผลที่เกิดคือ

  • เสียงขาด
  • เสียงหายข้างเดียว
  • ปัญหาแก้ยาก

แนวปฏิบัติของช่าง IP PBX คือ
ปิด SIP ALG ก่อนเสมอ


1️⃣4️⃣ Internet ไม่เสถียร (กรณีใช้ SIP Trunk)

ถ้าใช้ SIP Trunk ผ่าน Internet
เสียงขาดอาจมาจาก

  • ISP
  • Routing
  • Latency ภายนอก

ปัญหานี้ต้องแยกทดสอบ “ภายใน vs ภายนอก”


1️⃣5️⃣ เปลี่ยนมาดูฝั่งสาย LAN (Physical Layer)

ถ้า Network Logic ปกติ
ขั้นต่อไปที่ต้องดูคือ สาย LAN

เพราะ

สายคือรากฐานของเสียงทั้งหมด


1️⃣6️⃣ สาย LAN คุณภาพต่ำ = เสียงหายแน่นอน

ปัญหาที่พบจริง

  • สาย CCA
  • สายเก่า
  • สายไม่ผ่านมาตรฐาน

Data อาจยังใช้ได้
แต่ Voice จะเริ่มมีปัญหาก่อนเสมอ


1️⃣7️⃣ หัว RJ45 เข้าผิด หรือเสื่อม

หัวสายที่

  • เข้าสีผิด
  • กดไม่แน่น
  • เป็นสนิม

จะทำให้เกิด

  • Packet Error
  • Retransmission
  • เสียงขาดเป็นช่วง

1️⃣8️⃣ สาย LAN ปนไฟแรง

สายที่เดิน

  • คู่กับไฟฟ้า
  • ใกล้มอเตอร์
  • ใกล้เครื่องปรับอากาศ

จะโดนสัญญาณรบกวน → เสียงหาย


1️⃣9️⃣ Patch Panel / Patch Cord คุณภาพต่ำ

หลายองค์กรเปลี่ยนสายหลัก แต่ลืม

  • Patch Cord
  • Patch Panel

จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้เสียงหายได้ทั้งระบบ


2️⃣0️⃣ IP Phone หรือ Softphone ก็เป็นต้นเหตุได้

อุปกรณ์ปลายทางที่

  • Firmware เก่า
  • Wi-Fi ไม่เสถียร
  • CPU เครื่องเต็ม

ทำให้เสียงหายเฉพาะบางเครื่อง


2️⃣1️⃣ Wi-Fi: ตัวแปรที่คุมยากที่สุด

เสียงผ่าน Wi-Fi มีความเสี่ยงสูง

  • สัญญาณแกว่ง
  • Client เยอะ
  • Interference

ถ้าเป็นจุดสำคัญ แนะนำใช้สาย LAN


2️⃣2️⃣ วิธีแยกให้ชัด: Network หรือสาย LAN กันแน่

ขั้นตอนช่างมืออาชีพ

  1. ทดสอบ Packet Loss
  2. เปลี่ยน Port / Switch
  3. เปลี่ยนสายชั่วคราว
  4. Test แยกทีละ Layer

ห้ามเดา


2️⃣3️⃣ เครื่องมือที่ใช้ตรวจเสียงขาด

  • Ping
  • Packet Loss Test
  • Jitter Test
  • Cable Tester
  • Switch Port Error Counter

2️⃣4️⃣ วิธีแก้จากฝั่ง Network (สรุปเป็นข้อ)

  • เปิด QoS
  • แยก VLAN
  • ลด Traffic อื่น
  • เปลี่ยน Switch ให้เหมาะกับ Voice

2️⃣5️⃣ วิธีแก้จากฝั่งสาย LAN (สรุปเป็นข้อ)

  • เปลี่ยนสายคุณภาพ
  • เข้าหัวใหม่ทุกจุด
  • แยกจากไฟแรง
  • จัดสายให้เป็นระบบ

2️⃣6️⃣ ตรวจแล้วต้อง “ทดสอบซ้ำ”

หลังแก้

  • ต้อง Test ซ้ำ
  • ต้องโทรพร้อมกันหลายสาย
  • ต้องทดสอบช่วงใช้งานหนัก

ไม่ใช่แค่โทร 1 สายแล้วจบ


2️⃣7️⃣ ข้อผิดพลาดที่องค์กรทำบ่อย

  • เปลี่ยน IP PBX ทั้งระบบ
  • ทั้งที่ปัญหาอยู่ที่สาย
  • เสียเงินโดยไม่จำเป็น

2️⃣8️⃣ เมื่อไหร่ควรเรียกช่างโทรศัพท์สำนักงาน

ถ้า

  • ปัญหามา ๆ หาย ๆ
  • แก้เองหลายรอบไม่หาย
  • ระบบใหญ่ / Call Center

ควรใช้ช่างเฉพาะทาง


2️⃣9️⃣ บทเรียนจากหน้างานจริง

งานจำนวนมาก

  • เปลี่ยน PBX
  • เปลี่ยน Server

สุดท้ายจบที่

“เดินสายใหม่”


3️⃣0️⃣ เสียงขาดคือสัญญาณเตือน ไม่ใช่เรื่องเล็ก

เสียงขาด = ระบบเริ่มไม่เสถียร
ถ้าปล่อยไว้ ปัญหาอื่นจะตามมา


3️⃣1️⃣ Expert Tips: สายและ Network สำคัญกว่าฟีเจอร์

ฟีเจอร์เยอะ
แต่เสียงไม่ดี = ใช้งานไม่ได้


3️⃣2️⃣ บทสรุป

เสียงขาด ๆ หาย ๆ ใน IP PBX
แก้ได้ 100% ถ้าแก้ถูกจุด

Network และสาย LAN คือหัวใจ ไม่ใช่ตัวระบบอย่างเดียว


3️⃣3️⃣ คำถามชวนคิดและชวนคอมเมนต์

คุณเคยเจอเสียงขาดจาก
Network หรือสาย LAN มากกว่ากัน?