เสียงดีเลย์ในระบบ IP PBX เกิดจากอะไร และแก้อย่างไร

คู่มือวิเคราะห์ปัญหาเสียงหน่วงแบบมืออาชีพสำหรับสำนักงาน


1️⃣ บทนำ: เสียงดีเลย์คือปัญหาอันดับหนึ่งของ IP PBX

ในบรรดาปัญหาทั้งหมดของ IP PBX
“เสียงดีเลย์” หรือพูดแล้วอีกฝั่งได้ยินช้า คือปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกรำคาญมากที่สุด
และเป็นปัญหาที่ทำให้หลายองค์กร เข้าใจผิดว่า IP PBX ไม่ดี

ความจริงคือ

เสียงดีเลย์ไม่ได้เกิดจาก IP PBX เป็นหลัก
แต่เกิดจาก “สภาพแวดล้อมของระบบ” ที่ไม่พร้อม


2️⃣ เสียงดีเลย์ใน IP PBX คืออะไร

เสียงดีเลย์ (Latency) คือภาวะที่

  • ผู้พูดพูดไปแล้ว
  • อีกฝั่งได้ยินช้ากว่าปกติ 0.3 – 2 วินาที

ผลที่เกิดขึ้นคือ

  • พูดชนกัน
  • สนทนาไม่ลื่น
  • ลูกค้ารู้สึกว่าระบบไม่มืออาชีพ

ในระบบโทรศัพท์สำนักงาน เสียงควรหน่วงไม่เกิน 100 ms


3️⃣ ระดับของเสียงดีเลย์ที่ถือว่าผิดปกติ

  • ต่ำกว่า 100 ms → ปกติ
  • 100–300 ms → เริ่มรู้สึก
  • มากกว่า 300 ms → ใช้งานยาก
  • เกิน 500 ms → ถือว่าผิดปกติรุนแรง

ช่างโทรศัพท์สำนักงานจะถือว่า
เกิน 150 ms = ต้องแก้


4️⃣ สาเหตุหลักของเสียงดีเลย์ในระบบ IP PBX

สาเหตุไม่ได้มีข้อเดียว แต่เป็นผลรวมของหลายปัจจัย เช่น

  • Network หน่วง
  • Bandwidth ไม่พอ
  • ไม่มี QoS
  • อุปกรณ์ Network คุณภาพต่ำ
  • โครงสร้างระบบไม่เหมาะสม

5️⃣ Network Latency: ตัวการอันดับหนึ่ง

IP PBX ใช้ Network เป็นเส้นทางเสียง
ถ้า Network หน่วง เสียงก็หน่วง

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • ใช้ Switch ราคาถูก
  • Router ไม่รองรับ QoS
  • Network ใช้ร่วมกับงานหนัก เช่น Backup / Download

6️⃣ ไม่มี QoS (Quality of Service)

QoS คือการ “จัดลำดับความสำคัญของเสียง”

ถ้าไม่มี QoS
เสียงโทรศัพท์จะถูกปฏิบัติเหมือน

  • การโหลดไฟล์
  • การดูวิดีโอ
  • การอัปโหลดข้อมูล

ผลคือ เสียงโดนแย่ง Bandwidth → ดีเลย์


7️⃣ Bandwidth ไม่พอ (โดยเฉพาะ Upload)

หลายองค์กรดูแต่ Download
แต่ เสียง VoIP ใช้ Upload เยอะมาก

ถ้า Upload เต็ม

  • เสียงจะหน่วง
  • เสียงจะขาด

โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้งานพร้อมกันหลายสาย


8️⃣ Packet Loss ทำให้เสียงดีเลย์โดยไม่รู้ตัว

Packet Loss คือแพ็กเก็ตเสียงหายระหว่างทาง
ระบบต้องรอข้อมูลใหม่ → เกิดดีเลย์

สาเหตุ Packet Loss

  • สาย LAN เสื่อม
  • หัว RJ45 เข้าผิด
  • Switch เริ่มมี Error

9️⃣ Jitter: ศัตรูเงียบของเสียง IP PBX

Jitter คือความไม่สม่ำเสมอของแพ็กเก็ต
ทำให้ระบบต้อง “รอจัดเรียงเสียง”

ผลคือ

  • เสียงสะดุด
  • ดีเลย์เป็นช่วง ๆ

🔟 ใช้ Network ร่วมกับ Data หนักเกินไป

ปัญหานี้พบบ่อยมากในสำนักงาน

ตัวอย่าง

  • Backup Server ตอนกลางวัน
  • Upload ไฟล์ใหญ่
  • ใช้ Wi-Fi หนัก

เสียง IP PBX จะโดนแทรกทันที


1️⃣1️⃣ Firewall / NAT ตั้งค่าผิด

Firewall ที่กรองแพ็กเก็ตมากเกินไป
ทำให้เสียงถูกหน่วงโดยไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะ

  • SIP Inspection
  • SIP ALG

1️⃣2️⃣ SIP ALG: ตัวปัญหาที่ควรปิด

Router หลายรุ่นเปิด SIP ALG มาให้
แต่ มักทำให้เสียงดีเลย์และขาด

ช่าง IP PBX มืออาชีพมัก

ปิด SIP ALG เป็นอย่างแรก


1️⃣3️⃣ Codec ที่ใช้มีผลกับ Latency

Codec บางตัว

  • ประหยัด Bandwidth
  • แต่ใช้ CPU สูง
  • ทำให้หน่วง

ตัวอย่าง

  • G.729 → หน่วงน้อยแต่คุณภาพต่ำ
  • G.711 → ใช้ Bandwidth สูงแต่เสียงดี

1️⃣4️⃣ Server IP PBX สเปกไม่พอ

ถ้า Server

  • CPU เต็ม
  • RAM เต็ม
  • Disk I/O ช้า

ระบบจะหน่วงทันทีเมื่อมีสายเข้าพร้อมกัน


1️⃣5️⃣ Virtualization ที่ตั้งค่าไม่เหมาะสม

IP PBX ที่รันบน VM
ถ้าไม่ได้ Reserve CPU / RAM
จะเกิด Latency ได้ง่ายมาก


1️⃣6️⃣ สาย LAN และโครงสร้างสาย

สายที่ทำให้เกิดดีเลย์

  • สายเก่า
  • สายคุณภาพต่ำ
  • สายปนไฟแรง

IP PBX ต้องการสายที่เสถียรมากกว่าระบบทั่วไป


1️⃣7️⃣ Wi-Fi กับ IP PBX: จุดเสี่ยง

Softphone หรือ IP Phone ผ่าน Wi-Fi
มีโอกาสดีเลย์สูงกว่าสาย LAN

โดยเฉพาะ

  • Wi-Fi ที่มี Client เยอะ
  • สัญญาณไม่เสถียร

1️⃣8️⃣ Internet Provider มีผลหรือไม่

ถ้าใช้ SIP Trunk / โทรผ่าน Internet
คุณภาพ Internet มีผลโดยตรง

Latency สูงจาก ISP = แก้ในองค์กรไม่ได้ทั้งหมด


1️⃣9️⃣ วิธีตรวจสอบเสียงดีเลย์แบบช่าง

ช่างโทรศัพท์สำนักงานจะตรวจ

  • Ping
  • Traceroute
  • Packet Loss
  • Jitter
  • Concurrent Call

ไม่ใช่ดูแค่ “รู้สึกช้า”


2️⃣0️⃣ วิธีแก้เสียงดีเลย์: เริ่มจากจุดไหนก่อน

ลำดับการแก้ที่ถูกต้อง

  1. ตรวจ Network
  2. ตั้ง QoS
  3. ตรวจ Bandwidth
  4. ตรวจอุปกรณ์
  5. ตรวจ Server

ไม่ควรแก้แบบสุ่ม


2️⃣1️⃣ การตั้ง QoS สำหรับ IP PBX อย่างถูกต้อง

หลักการ

  • Voice ต้อง Priority สูงสุด
  • จำกัด Bandwidth งานอื่น
  • แยก VLAN เสียง

2️⃣2️⃣ การแยก VLAN เสียง

VLAN ช่วย

  • ลด Collision
  • คุม Traffic
  • ลด Latency

องค์กรขนาดกลางขึ้นไป ควรแยก VLAN เสียง


2️⃣3️⃣ ปรับ Codec ให้เหมาะกับระบบ

  • Network ดี → ใช้ G.711
  • Network จำกัด → ใช้ Codec ประหยัด

เลือก Codec ผิด = เสียงดีเลย์


2️⃣4️⃣ อัปเกรดอุปกรณ์ Network เมื่อจำเป็น

Switch / Router ราคาถูก
ไม่เหมาะกับ Voice Traffic หนัก


2️⃣5️⃣ ตรวจสอบ Server Load อย่างสม่ำเสมอ

ดู

  • CPU
  • RAM
  • Concurrent Call

IP PBX ที่ไม่มี Monitoring = เสี่ยง


2️⃣6️⃣ ใช้ UPS และไฟฟ้าเสถียร

ไฟแกว่ง → Network แกว่ง → เสียงหน่วง


2️⃣7️⃣ ทดสอบหลังแก้ ไม่ใช่แค่ “รู้สึกดีขึ้น”

ต้องทดสอบ

  • Latency
  • Packet Loss
  • Jitter

ก่อนถือว่าแก้สำเร็จ


2️⃣8️⃣ ป้องกันไม่ให้เสียงดีเลย์กลับมาอีก

  • ทำ Monitoring
  • กำหนด Policy Network
  • ไม่เพิ่มโหลดมั่ว ๆ

2️⃣9️⃣ ข้อผิดพลาดที่องค์กรชอบทำ

  • โทษ IP PBX
  • ไม่ดู Network
  • แก้เฉพาะหน้า

3️⃣0️⃣ เมื่อไหร่ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ

ถ้า

  • แก้หลายรอบไม่หาย
  • ระบบใหญ่
  • มี Call Center

ควรใช้ ช่างโทรศัพท์สำนักงานโดยเฉพาะ


3️⃣1️⃣ Expert Tips: เสียงมาก่อนฟีเจอร์

ระบบเสียงไม่ดี
ฟีเจอร์เยอะแค่ไหนก็ไม่มีค่า


3️⃣2️⃣ บทสรุป: เสียงดีเลย์แก้ได้ ถ้าแก้ถูกจุด

เสียงดีเลย์ ไม่ใช่เรื่องปกติของ IP PBX
แต่เป็นสัญญาณว่าระบบยังไม่สมดุล


3️⃣3️⃣ คำถามชวนคิดและชวนคอมเมนต์

คุณเคยเจอ เสียงดีเลย์ใน IP PBX จากสาเหตุไหนมากที่สุด